วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วันที่ 11-07-2011

สวัสดีค๊าบทุกคนผมจะเล่าประสบการณ์การเดินทางที่สุดยอดที่สุดในชีวิตให้ฟังกัน ผมเดินทางไปจีนในวันที่11-18/07/2011 ใช้เงินทั้งหมด27000เป็นค่าเครื่องบิน หมื่นห้า ค่าอยู่ค่ากิน เจ็ดพันและเงินสำรองห้าพัน จองตั๋วก่อนหนึ่งเืดือนวันที่10-07-2011

เก็บของใช้ที่จำเป็นผมเอากระเป๋าสพายหลังไปใบเดียวไม่ใหญ่มากใส่เสื้อผ้าประมาณสองสามชุดแล้วก็คอมพิวเตอร์ยัดไว้ให้แน่นๆไปรอตั้งแต่สองทุ่มของวันนี้ก็ไปนอนที่สนามบินเลยเพราะเป็นคนที่ทำอะไรต้องเผื่อเสมอเดี๋ยวตกเครื่องฮ่าๆๆ ไปถึงสุวรรณภูมิก็ไปเดินดูเที่ยวบินฆ่าเวลาไปก่อน

 เดินจนถึงเที่ยงคืนคิดว่าจะไม่นอนแต่ก็ไม่ไหว ตอนนั้นสนามบินหนาวมาก(ก็เปิดแอร์เย็นฉ่ำ)ก็หน้าซีดกันเลย จนถึงตอนเช้าหกโมงเราก็ตื่นขึ้นมาไปล้างหน้าที่ห้องน้ำซะหน่อยเพราสภาพดูไม่ได้ แล้วไปที่ช่องU เพื่อเช็คอิน นั่งสายการบินchina southern จากนั้นก็ไปตรงตม.

เขาก็ตรวจของๆเราเราก็ต้องแยกออกเลยนะครับไอ้ที่เป็นเหล็กทั้งหลายแล้วก็เอาคอมออกมาต่างหาก ตอนนั้นล้มทั้งยืนง่วงนอนมากฮ่าๆ พอผ่านไปก็เจอร้านค้าเยอะแยะแต่ของแพงบรรลัย ก็ไม่ซื้อเดินไปเลยนั่งรอเครื่องบินพอเครื่องมาเราำก็ไปเลยคนที่สามรีบมากทั้งง่วงทั้งตื่นเต้น ทั้งลำมีแต่คนจีนแต่ผมโชคดีที่ได้นั่งกับคนไทยที่ไปด้วยอีกสองคนเขาไปทำงานที่กวางเจาพอดี


เราก็ดีใจที่มีคนไทยไปด้วยเพราะผมไปคนเดียวและยังไม่เคยไปต่างประเทศมาก่อนเลยในชีวิตทุกอย่างต้องรอบคอบและต้องตรงเป๊ะ พอเครื่องขึ้นก็หูอื้อเป็นธรรมดาทุกอย่างสวยมากท้องฟ้าสวยโล่งทะเลสีครามนั่งไปเกือบสองชั่งโมงไม่มีปัญหาอะไรเลยจนกระทั่งถึงสนามบินกวางโจว เราก็เดินออกมาแบบงงงง และไม่รู้ว่าต้องเดินไปทางไหนก็หาคำภาษาอังกฤษที่อ่านว่า Transfer คำเดียวเลยที่ต้องดูตลอดทางเราก็เดินไปเขาก็ตรวจเช็คกระเป๋าเหมือนเดิม แต่ตม.มันดุชิปหายมันเห็นแป้งมันคงคิดว่าเฮโรอีนเพราะที่จีนเขาไม่ใช้แป้งกันนะครับพอดีซื้อไปฝากรุ่นน้องที่เป็นนักศึกษาจีนที่เคยมาเรียนที่ฝั่งธน

 เขาก็สงสัยแต่มันก็ปล่อยเราไป เราก็จะเดินต่อแต่มันไม่ให้เดินมันมีรถไปส่งด้วยสุดยอดอะแต่ขับแว๊นมากเกือบตกฮ่าๆๆ พอไปถึงที่ก็เดินหาเครื่องว่าอยู่ที่ไหน ผมไปถึงตอนเที่ยงๆเกือบบ่ายก็พยายามจะไม่ซื้ออะไรเพราะเปลืองตังสนามบินของแพงอยู่แล้ว ก็เดินหาไปเรื่อยๆเครื่องเราออกตอนห้าโมงเย็น

 ตอนแรกคิดว่ามันมีอยู่ฝั่งเดียวเหมือนสุวรรณภูมิแต่มันมีอยู่สามฝั่งโหแล้วเดินจากโซนเอไปซีไกลโชคดีนะเราขยันเดิน ก็หาไปเรื่อยบ่ายสามยังไม่เจอเลยไปถามพนักงานก็บอกว่าให้เรารอเดี๋ยวก็มาเ พราะเราเดินอยู่นานมากก็ไม่รู้ว่าตกลงมันกี่โมงพอถึงห้าโมงเย็นตอนนั้นหัวฟูมากต้องเข้าใจอะนะคนไม่เคยนั่งเครื่องเครียดมากคิดว่ามาแล้วเพราะไม่มีสายการบินไหนบินไปหนานหนิงเลย

 เที่ยวสุดท้ายคือเที่ยงเราก็เลยตัดสินใจถามอีกทีเขาก็เลยบอกว่ามันมาตอนสามทุ่มก็เลยโอเค แม่งมาช้าก็รอแต่ก็ไม่แน่ใจเพราะตารางมันยังไม่มีไฟท์เครื่องเลยเราเดินอยู่ห้าชั่วโมงอะไม่หยุดเลยเพราะไม่รู้ว่ามันมีรึเปล่า จากนั้นก็เดินคอตกคิดว่านอนที่นี่แน่ๆจนเดินผ่านป้ายเจอเที่ยว cz3308  22.20น. โหกูโล่งละสบายใจเลยเพราะรู้แล้วว่ามีแต่สี่ทุ่มครึ่งเลทนานมาก

 ก็รอแต่คนที่มารอรับเราเขามารอตั้งแต่บ่ายโมงที่หนานหนิง ก็โทรศัพท์ก็ใช้ไม่ได้ไม่ได้บอกเขาด้วยว่าเครื่องบินมาช้า หกโมงแล้วจะทำไงดีตู้โทรศัพท์ดันเป็นการ์ดหมดเลยไม่มีเหรียญเลย พอดีมีพนักงานคนหนึ่งเดินมาหาเราพอดีขณะที่นั่งรอเครื่องผมก็เลยขอยืมโทรศัพท์เลยแต่เขาใจดีมากนะก็ยิ้มแล้วก็ให้ยืมเกรงใจเหมือนกันตั้งแต่มาที่นี่เพิ่งเจอคนยิ้มนอกนั้นนั่งหน้าหงิกกันหมดก็โทรบอกแฟนทีมารับว่าเครื่องออกตอนสี่ทุ่มครึ่งน่าจะถึงประมาณเที่ยงคืนเขาก็โอเค ทีนี้ก็ดูบรรยากาศรอบๆก็ดูทันสมัยมากสนามบินที่นี่ใหญ่โตกว่าของเราคนเยอะแต่ก็ที่นั่งเยอะเหมือนกันมีคอมให้เล่นวัยรุ่นที่นั่นมีไอแพดกันทุกคนสาวๆจีนสวยมากขาวหมวยและที่สำคัญผอมกันหมดหุ่นดีมากอะกางเกงไม่รู้จะสั้นไปไหน 


เด็กๆก็ซนสุดๆจะวิ่งจะตะโกนไม่มีใครว่าพ่อแม่นั่งเฉยไม่ด่าไม่ตีลูกเด็กเป็นสิบ ก็นั่งรอจนเครื่องมาถึงผมเดินไปคนแรกเลยไปรอจากนั้นก็มีคนจีนเดินตามเรามาอีกเป็นร้อยถ้ามีมารยาทหน่อยก็มาต่อคิวเราถ้าไม่มีก็เดินมาแกล้งทำเป็นถามเวลากับเจ้าหน้าที่แล้วมาลัดกูเฉยเลยมาคนเดียวไม่ว่าเรียกลูกเมียมาอีกยืนไปยืนมาอยู่คนที่สิบเซงมาก จากนั้นมารยาทคนจีนก็เริ่มมาเสียงเริ่มดังทีละคนสองคนแล้วมันก็พูดพร้อมกันหมดเอ่อคือคนจีนเวลาเขาพูดนะเสียงดังนะครับสำหรับเราคือมันตะโกนอะพอเครื่องมาถึงแม่งตีกันอีกบนสนามบินอะนะเพราะลัดคิวก็ช่างมันพอให้เข้ากูวิ่งเข้าก่อนใคร 

ไม่สนละเหนื่อยก็นั่งอยู่อีกประมาณชั่วโมงบนเครื่องเครื่องบินไม่เีงียบเลยโชงเชงโชงเชงข้างๆเป็นเด็กไม่ต้องหาคำตอบเด็กจีนแม่งลุกขึ้นดึงแผงไฟตรงหัวอะแล้วไม่มีใครว่านะที่นั่นเขาไม่ตีลูกครับเพราะผิดกฎหมายเขาพนักงานมาก็เดินผ่านพนักงานจีนสวยมากแต่ยิ้มไม่เป็นเหมือนไม่ได้นอนมาเป็นปีโหเลิกมองเลยเซง ก็นั่งไปหนานหนิงประมาณชั่วโมงกว่าเครื่องออกห้าทุ่มครึ่ง ก็ถึงหนานหนิงก็มีรถมารับที่สนามบินอีกทีพอไปถึงก็มองหาแฟนก่อนเลย เขาก็นั่งคอตกเพราะไม่เห็นเราแต่เรานั่งข้างๆเขาแล้วฮ่าๆๆๆ จากนั้นก็กลับที่พักนั่งรถรับส่งสนามบบินไปตัวเมืองคนละยี่สิบบาทหรือสี่หยวนพอถึงก็เดินเข้าห้องพักราคาก็ประมาณสี่ร้อยห้าสิบบาทต่อคืนหรือเก้าสิบหยวน ถ้าเป็นต่างชาติพักยากหน่อยเพราะเขาใช้บัตรประชาชนสแกนก่อนพักคืนนั้นก็นอนเลยตีหนึ่งละ